MKT Team
เพื่อทำความรู้จักกับพริอุส เจเนอเรชันที่ 3 อย่างละเอียด ถูกต้อง ชัดเจน บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จึงพาสื่อมวลชนไปสัมผัสกันแบบใกล้ชิด ณ เมือง นาโกยา ประเทศญี่ปุ่น โดยมี อากิฮิโกะ โอซึกะ หัวหน้าวิศวกรดูแลโตโยต้าพริอุส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน เป็นผู้ให้ความรู้กับสื่อมวลชนไทย แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า พริอุส ที่กำลังจะพูดถึงเป็นเวอร์ชันญี่ปุ่น ส่วนเวอร์ชันที่จะประกอบในไทยจะมีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างจากเวอร์ชันญี่ปุ่น

สำหรับเจเนอเรชันที่ 3 ของพริอุสได้รับการออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถตอบสนองต่อความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และสมรรถนะในการขับขี่ที่ขึ้นจาก 2 รุ่น ที่ผ่านมา และครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของการเปลี่ยนแปลงระบบไฮบริดจากเดิมที่ยึดเครื่องยนต์ 1500 ซีซี มาเป็น 1800 ซีซี ขณะที่รูปแบบตัวถังยังคงสไตล์แฮทช์แบ็กท้ายลาด 5 ประตู แต่จุดที่เปลี่ยนไปคือ ความใส่ใจในเรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานหรือ Cd จากเดิม 0.26 ในรุ่นที่แล้วมาอยู่ที่ 0.25 ในรุ่นนี้

พริอุส ใหม่มีขนาดตัวถังยาว 4,460 มิลลิเมตร กว้าง 1,745 มิลลิเมตร สูง 1,490 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อยาว 2,700 มิลลิเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับพริอุสรุ่นที่แล้วยาว 4,310 มิลลิเมตร กว้าง 1,715 มิลลิเมตร สูง 1,490 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร

รูปลักษณ์ภายนอก ยังคงยึดแนวเส้นสายจากรถรุ่นเดิม แต่ถูกปรับปรุงให้ดูสมดุลและลงตัวกว่าเช่นมุมของกันชนหน้าและชุดไฟท้ายไปจนถึงการออกแบบล้ออัลลอยให้มีฝาครอบล้อ ซึ่งช่วยลดน้ำหนักลงไปจากล้ออัลลอยแบบปกติถึง 7 กิโลกรัม อีกทั้งยังออกแบบใต้พื้นตัวถังให้ลดปัญหาเรื่องความแปรปรวนของอากาศที่ไหลผ่านขณะแล่นซึ่งจะช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนเวลาแล่นด้วยความเร็วสูง และลดการก่อให้เกิดแรงต้านทานของอากาศซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปยังอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

ขณะเดียวกันชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารยังผลิตจากวัสดุที่เป็น Bioplastic ซึ่งเป็นวัสดุที่ถูกสังเคราะห์จากใยพืชหรือหญ้าแทนที่จะเป็นพลาสติกที่มาจากปิโตรเลียมซึ่งย่อยสลายได้ยากตามธรรมชาติ โดยใช้พืชที่เรียกว่าปอแก้ว และหญ้าจีนซึ่งถือเป็นพืชที่มีเส้นใยที่มีความทนทานสูงสุดในธรรมชาติ

แผงหน้าปัดถูกออกแบบให้ดูล้ำสมัยยิ่งขึ้น ตำแหน่งชุดมาตรวัด ดิจิตอล (Digital) ถูกออกแบบให้ช่วยลดการละสายตาของผู้ขับขี่ พวงมาลัยยังคงออกแบบให้มีรูปทรงเหมือนกับพริอุสรุ่นก่อน มีสวิชต์การควบคุมการทำงานของระบบเครื่องเสียงและอื่น ๆ อีกมาก บนหน้าจอจะมีระบบแจ้งสถานะของรถได้ และเลือกเปลี่ยนโหมดต่าง ๆ ได้ด้วยการกดปุ่ม Display

สำหรับห้องโดยสารดูกว้างขวางมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหรือด้านหลัง และที่สำคัญเบาะนั่งแถวหลังยังแบ่งพับได้ในอัตราส่วน 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ห้องเก็บของด้านหลังจากเดิม 415 ลิตร มาเป็น 446 ลิตรในรุ่นใหม่

ในรุ่นนี้มีการเปลี่ยนขุมพลังไฮบริดมาเป็นรหัส 2ZR-FXE ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว แบบ Dual-VVT-I มีความจุ 1800 ซีซี พร้อมกำลังขับเคลื่อน 99 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.5 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ารหัส 3JM มีกำลังสูงสุด 82 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 21.1 กก.-ม. โดยเมื่อทั้ง 2 ระบบทำงานร่วมกันจะสามารถผลิตกำลังออกมาได้ 134 แรงม้า และใช้แบตเตอรี่แบบนิเกิลเมทัลไฮดรายในการเก็บกระแสไฟฟ้า
ข้อดีของเครื่องยนต์ที่มีความจุมากขึ้นคือแรงบิดที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ลืมในเรื่องของความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะมีการออกแบบให้เครื่องยนต์ลดจำนวนรอบลง โดยเฉพาะเมื่อต้องแล่นด้วยความเร็วคงที่บนไฮเวย์ รวมถึงยังใช้ปั๊มน้ำไฟฟ้าเพื่อลดภาระให้กับเครื่องยนต์
ระบบไฮบริดของโตโยต้ารุ่นนี้ จะมีการแบ่งการทำงานของระบบไฮบริดเอาไว้ 3 แบบ คือ Power เน้นสมรรถนะและความเร้าใจ, Eco เน้นความประหยัดน้ำมัน และ EV ซึ่งสามารถขับภายใต้รูปแบบของรถยนต์ไฟฟ้าได้ในช่วงเวลาสั้นๆ โดยอาศัยกระแสไฟฟ้าที่มีอยู่ในแบตเตอรี่เพื่อส่งให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าใช้ในการขับเคลื่อน และนั่นทำให้พริอุสสามารถแปลงร่างเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่มีการปล่อยมลพิษออกสู่อากาศชั่วคราว
เมื่อทราบถึงรายละเอียดคร่าว ๆ ของ พริอุส รุ่นใหม่กันไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะลงสนามไปลองขับ สัมผัส คันจริงกันบ้าง

การทดลองขับมีขึ้น ณ สนาม Spa Nishiura Motor Park เรียกย่อ ๆว่า SNMP สนามแห่งนี้มีความยาว 1.6 กิโลเมตร มีทางโค้งรวม 11 โค้ง ซึ่งแต่ละโค้งถือว่าไม่ธรรมดา เพราะทั้งโค้งรูปตัวยู โค้งหักศอก ทางโตโยต้าแบ่งสื่อมวลชนออกเป็น 2 กลุ่ม และแต่ละคนสามารถขับได้ไม่เกิน 2 รอบสนามต่อ 1 ครั้ง รวมแล้วขับได้ทั้งหมดคนละ 3 ครั้ง เท่ากับว่าจะได้ลองขับคนละ 6 รอบสนาม แต่ไม่ต่อเนื่องเพราะจะมีเพื่อนร่วมนั่งไปด้วยอีก 2 คนสลับขับ ทุกคนจะต้องขับตามรถ Instructor ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย

อย่างที่กล่าวข้างต้นพริอุส มีการทำงานของระบบไฮบริด 3 แบบ เจ้าหน้าที่ของโตโยต้าจึงให้ทุกคนได้ลองขับให้ครบทุกโหมด และจากการได้สัมผัสช่วงเวลาสั้น ๆ รู้สึกว่า พริอุส ใหม่มีอัตราเร่งที่เหลือเฟือ แถมยังรวดเร็วทันใจ ทั้งนี้เป็นเพราะการยกระดับเครื่องยนต์จาก 1500 ซีซี มาเป็น 1800 ซีซี บวกกับมีระบบการทำงาน 2 อย่างผสมผสานกันของเครื่องยนต์และมอเตอร์ ส่งผลให้มีแรงม้าเพิ่มถึง 134 แรงม้า จึงช่วยเพิ่มสมรรถนะในการออกตัวและไต่ความเร็วขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ให้เปลี่ยนมาใช้โหมด Power เพื่อทดสอบความเร็วด้วยการเหยียบเต็มที่ในระยะทางตรงที่กำหนดและเบรก(ซึ่งความเร็วที่ทำได้มากสุดในคันเรา 126 กิโลเมตร/ชม.) เพื่อทดสอบอัตราเร่ง ความเร็ว การเบรก ซึ่งตรงนี้เห็นชัดเจนเลยว่าอัตราเร่งดีมาก รวดเร็ว ทันใจ อัตราเร่งจาก 0-100 ใช้เวลาแค่แป๊บเดียว ( วิศวกรญี่ปุ่นบอกว่าการจับเวลา 0-100 กิโลเมตร/ชม.น่าจะอยู่ประมาณ 10.8 วินาที) ระยะเบรกรู้สึกสั้นมาก สั้นกว่ารถทั่วไป ถือว่าเบรกดีเลย ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะมีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยส่วนหนึ่งหรือที่เรียกว่า Re-Generative braking system ส่วนในโหมด Eco เจ้าหน้าที่โตโยต้าบอกว่า อัตราเร่งจะมาช้ากว่าโหมด Power นิดหนึ่ง แต่จากที่เราได้ลองแทบจะไม่รู้สึกเลย รู้แต่ว่า อัตราเร่งมาทันใจ และดูเหมือนว่าจะมากเกินความคาดหมาย
ขณะที่โหมดอีวีเพียงแค่แตะคันเร่งลงไปนิดหน่อย มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานอย่างเดียวรถออกตัวไปอย่างเงียบๆ ไม่ได้ยินเสียงจากเครื่องยนต์เลย
พวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนียนพร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงไฟฟ้า EPS :Electronics Power Steering ให้การตอบสนองที่แม่นยำ น้ำหนักกำลังดี ไม่เบา ไม่หนัก ในขณะเข้าโค้งหรือหักพวงมาลัยไปตามทิศทางใดที่ต้องการอย่างทันใจ การทรงตัวมั่นใจ ช่วงล่างหนักแน่น เกาะถนน
แต่จะว่าไปแล้วการขับขี่ทั่วไป รถจะปรับเปลี่ยนโหมดโดยอัตโนมัติ ซึ่งระบบจะทำงานให้เสร็จ ไม่ว่าจะเป็นการชาร์จไฟ เครื่องยนต์ดับ เครื่องยนต์ทำงาน การเปลี่ยนโหมด ทุกอย่างดูนุ่มนวลจนไม่รู้สึกว่ามันเปลี่ยน แต่เราจะรู้ได้จากการดูจอหน้าคอนโซลที่แสดงให้เห็นถึงการทำงานของระบบไฮบริด
สำหรับความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง อยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยมเหมือนเดิม ทางโตโยต้าบอกว่าตัวเลขค่าเฉลี่ยการขับในรูปแบบผสมอยู่ที่ 21.3 กิโลเมตร/ลิตร และได้รับการจัดอันดับให้เป็นรถยนต์แบบ SULEV และ AT-PZEV ตามมาตรฐานการทดสอบของ CARB ด้วย
ด้วยการขับขี่ไม่ด้อยไปกว่ารถทั่วไป และดูจะเหนือกว่ารถบางรุ่นในระดับเครื่องยนต์เดียวกันด้วยซ้ำไป ทำให้ราคาที่โตโยต้า ประเทศไทยตั้งไว้ประมาณ 1.3 ล้านบาท ถือว่าคุ้มค่า ไม่แพง เมื่อแลกกับรถที่หน้าตาดูล้ำยุค ไม่เหมือนใคร ภายในก็มีดีไซน์ที่เน้นความทันสมัย ทั้งอุปกรณ์และวัสดุ บวกกับห้องโดยสารที่ใหญ่ 5ประตู สามารถพับเบาะได้ โดยเฉพาะกระโปรงท้ายหัวหน้าวิศวกรบอกว่าเก็บถุงกอล์ฟได้ถึง 3 ถุงทีเดียว ช่วงล่างนุ่ม นิ่ม กำลังดี -เบรกดีแบบมั่นใจ ส่วนความประหยัดไม่ต้องถามเลยประหยัดสุดสุดอยู่แล้ว ที่สำคัญเครื่องยนต์ 1800 ซีซี แต่มีแรงม้าแยะหากมารวมกับแรงม้าที่ได้จากมอเตอร์ไฟฟ้า ดังนั้นอัตราเร่งหายห่วง
หากคุณมีเงินถึงและอยากได้รถที่มีประโยชน์ใช้สอยสูง สมรรถนะดี ประหยัดน้ำมัน หน้าตาทันสมัย ล้ำยุค ที่สำคัญคุณเป็นคนห่วงใยสิ่งแวดล้อม .....ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่ซื้อ "พริอุส"
0 Responses

Post a Comment