MKT Team
หลังน้ำลด ปัญหาหลายอย่างใช่ว่าจะไหลตามน้ำไป ร่างกาย จิตใจ ทรัพย์สิน คงต้องใช้เวลาฟื้นฟู ในส่วนของรถยนต์ที่เป็นเหมือนเพื่อนตายของรัก ก็ต้องได้รับการดูแลอย่างทันท่วงทีเช่นกัน เพราะถ้าปล่อยไว้นานพวกอุปกรณ์ทางเทคนิค และไม่ใช่เทคนิคก็มีโอกาสเน่า และทำให้ฟื้นกลับมาเหมือนเดิมยาก
การดูแลรถยนต์ที่โดนน้ำท่วมห้องเครื่อง หรือสูงมิดคัน (เพราะถ้าต่ำกว่านั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก แต่ก็จำเป็นต้องนำรถเข้าไปเช็คที่ศูนย์บริการ หรืออู่ซ่อมที่สะดวกเช่นกัน
1.พึงเอาไว้ว่าอย่าทำการสตาร์ทรถ หรือบิดกุญแจให้ไฟออนโดยเด็ดขาด จากนั้นเดินไปเปิดฝากระโปรงรถและปลดขั้วแบตเตอรี่ทันที โดยจะปลดขั้วใดขั้วหนึ่งหรือจะปลดทั้ง ขั้วบวกขั้วลบก็ได้ (จริงๆถ้าคุณคาดว่าน้ำจะท่วมสูงถึงห้องเครื่องให้เตรียมปลดขั้วแบตเตอรี่ เอาไว้ล่วงหน้าก่อนจะเป็นการดีที่สุด) เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟเข้าไปเลี้ยงระบบต่างๆของรถ รวมถึงเครื่องยนต์

2.เปิดประตูออกทุกบาน ให้ลมโกรก หรือถ้ามีแดดให้จอดตากแดด จากนั้นถอดเบาะนั่ง พรม ผ้าต่างๆ ที่อยู่ภายในรถออกมาซักทันที เพราะถ้าทิ้งเอาไว้นาน ความเหม็นอับจะมาเยือน

3.เริ่มเข้าสู่กระบวนการทางเทคนิคที่พอจะทำได้เอง คือ ปลดทุกอย่างที่เป็นขั้วไฟฟ้า โดยเฉพาะขั้วสายไฟภายในห้องเครื่อง ทั้งตัว ECUและ รีเรย์ต่างๆ จากนั้นฉีดสเปรย์ไล่ความชื้น หรือใช้ไดร์เป่าผม เป่าให้แห้ง

4.ถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ (ต้องรีบเอาน้ำออกจากระบบให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันสนิมจับ) รวมถึงเปลี่ยนกรองอากาศ ซึ่งประเด็นนี้ใครทำเองได้ก็ทำเลย เพราะยิ่งจัดการเร็วโอกาสที่สนิมจะมาเยือนก็น้อยตามไปด้วย แต่ถ้าไม่ไหวก็ต้องเข้าศูนย์บริการหรืออู่ ซึ่งจะมีขั้นตอนการเปลี่ยนถ่ายที่ถูกต้องและละเอียดมาก

...ทั้งหมดเป็นวิธีการดูแลเบื้องต้น เพราะสุดท้ายแล้วรถโดนน้ำท่วมขนาดนี้ ต้องรีบนำเข้าศูนย์บริการ หรืออู่ซ่อมที่สะดวกทันที ซึ่งน่าจะดีกว่าถ้าเลือกใช้บริการจากรถยก และขอย้ำว่าห้ามสตาร์ทเครื่องโดยเด็ดขาด

อย่างไรก็ตามการที่รถสุดรักของคุณจะฟื้นกลับมาดีดั่งเดิมได้ขนาดไหน ขึ้นอยู่กับเวลาที่จมอยู่ใต้น้ำ หรือความสามารถในการนำกลับมาดูแลรักษาอย่างรวดเร็ว รวมถึงประเภทของรถ กล่าวคือถ้ารถยิ่งมีระบบไฟฟ้าซับซ้อน ก็ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายมากตามไปด้วย
ถ้ารถจมบาดาลอยู่ 1-2 วัน โอกาสแก้สภาพกลับมาเหมือนเดิมได้เกิน 90% แต่ถ้านานกว่านั้น ECUเข้าขั้นโคม่า ชิ้นส่วนไฟฟ้าต่างๆจะโดนความชื้น สนิมเริ่มกิน รวมถึงขี้เกลือต่างๆเริ่มจับตัว ดังนั้นเปอร์เซ็นที่จะคืนสภาพก็จะลดลงตามวันเวลาที่แช่น้ำ

ในส่วนของราคาค่าซ่อม ขึ้นอยู่กับสภาพการและประเภทรถตามที่กล่าวไปข้างบน และน่าจะอยู่ระดับ 50,000-100,000 บาท (แต่ถ้าโอเวอร์ฮอล์เกินนี้แน่นอน) ซึ่งใครทำประกันภัยชั้นหนึ่ง หรือมีกรมธรรม์ครอบคลุมอุทกภัยเอาไว้น่าจะใจชื้นได้บ้าง

แหล่งที่มา http://www.manager.co.th
0 Responses

Post a Comment